Sunday, August 12, 2012

ฝิกเจริญสติที่วัดป่าสุคะโต: ตอนที่ 2 ศีลขาด

             การไปฝึกเจริญสตินั้น พระอาจารย์จะให้ทุกคนรับศีลแปด ซึ่งนอกจากศีลห้าแล้ว ยังมีศีลอีกสามข้อให้ถือ คือเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือหลังเที่ยงเป็นต้นไป เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้ ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง และข้อสุดท้ายคือเว้นจากจากการนอนที่นอนอันสูงใหญ่
             ข้อที่คิดไว้ว่าอาจจะทำไม่ได้คือ เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล เมื่อไปฝึกเจริญสติจริง ๆ ก็น่าแปลก คือ ไม่หิวข้าวเย็น ตอนกลางวันก็กินอาหารปริมาณปกติ ตอนเย็น สี่โมงก็ดื่มน้ำปานะแค่สองแก้ว แต่ไม่หิวจนถึงเช้า คิดในใจว่าคงเป็นอานิสงส์ของการเจริญสติเป็นแน่
             ทุกคืนเริ่มทำวัตรเย็นตอนหกโมงเย็น หลังทำวัตรเย็น นับเป็นบุญของเราที่ได้ฟังพระไพศาลแสดงเทศนาทุกคืน จนถึงหนึ่งทุ่ม แล้วพระอาจารย์ก็อบรมต่อ ส่วนใหญ่เป็นการให้ดูวีดีโอพร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงธรรมะที่แทรกอยู่ ซึ่งทำให้เราตื่นตาตื่นใจมากอยู่ ถ้าดูเองคงเฉย ๆ แต่เมื่อมีพระอาจารย์ชี้ให้เห็นถึงข้อธรรมะทั้งหลาย ทำให้เราดูแล้วซาบซึ้งธรรมะขึ้น เช่นวันหนึ่ง พระอาจารย์ให้ดูวีดีโอที่แสดงถึงขั้นตอนการฆ่าไก่ หมู วัว ควาย ทั้งหลาย มันน่าสยดสยองมาก กว่าเนื้อสัตว์ทั้งหลายจะกลายเป็นอาหารเรา สัตว์ต่าง ๆ ก็ต้องถูกเชือดแบบน่ากลัวจริง ๆ ทำให้เราอยากกินมังสวิรัติขึ้นมาทันที
            แล้ววันหนึ่งศีลแปดเราก็ขาด หลังทำวัตรเย็น พระไพศาลก็แสดงธรรมเทศนา ซึ่งกล่าวถึงการเจริญสติว่าไม่ต้องดูอย่างอื่น ให้ดูแค่กายกับใจก็พอ เราก็ท่องดู "กาย" กับ "ใจ" ท่องจนขึ้นใจ เมื่อฟังธรรมเสร็จ ลงมาจากศาลาหอไตร เราก็สรุปธรรมที่ได้มาเป็นเพลง ร้องพึมพำว่า "มีแค่ ต. กับ จ." แล้วนึกต่อ น้องสาวได้ยินเราร้องเพลง รีบกระซิบว่า "อ้าว ต้อย อย่าร้องเพลงสิ" นึกได้ อ้าววว ศีลขาดซะแล้วเรา ก็จำไว้ว่าห้ามร้องเพลง แต่เพลงนี้มันติดใจเหลือเกิน อีกวัน ได้ฟังพระอาจารย์สอน พอลงจากศาลาเอาอีกแล้ว ฮัมเพลงอีกแล้ว ฮ่าๆๆ วันที่สามจึงนึกได้ สงสัยต้องฝึกสติอีกเยอะ
         

No comments:

Post a Comment